หน้าสาม

รวบรวมข้อมูล
เมื่อมีความต้องการใช้ข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ขั ้นตอนแรกที่
จะต้องด าเนินการก็คือ การเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งสามารถท าได้หลายรูปแบบ หลายวิธีการ รวมทั ้งยัง
มีเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมหลากหลายชนิดให้เลือกใช้ ดังนั ้นในบททนี ้จะกล่าวถึง รูปแบบการ
เก็บรวบรวมข้อมูล เทคนิควิธีที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล 
นอกจากนี ้ยังจะกล่าวถึงวิธีการสุ่มตัวอย่าง เพื่อให้ได้ตัวอย่างที่เป็ นตัวแทนที่ดีของประชากร 
1. การเก็บรวบรวมข้อมูล (Data collection)
 คือ การด าเนินการใด ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่ต้องการ สามารถด าเนินการได้ 3รูปแบบ 
 ดังนี ้
 1.1 การเก็บรวบรวมข้อมูลจากงานทะเบียนหรือการบันทึก เป็ นการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วย 
 การคัดลอกข้อมูลที่ต้องการจากทะเบียนหรือบันทึกที่หน่วยงานต่าง ๆ ได้เก็บรวบรวมไว้
 อย่างต่อเนื่อง และมีการปรับแก้หรือเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องทันสมัยตลอดเวลา การเก็บ 
 รวบรวมข้อมูลในรูปแบบนี ้จะช่วยประหยัดทั ้งเวลาและค่าใช้จ่าย ตัวอย่างเช่น ถ้า
 ต้องการทราบคะแนนเฉลี่ยของนักศึกษามหาวิทยาลัยสยาม ก็สามารถไปขอคัดลอก
 ข้อมูลดังกล่าวได้จากแผนกทะเบียนและวัดผลของมหาวิทยาลัย 
1.2 การเก็บรวบรวมข้อมูลจากการส ารวจเป็ นการเก็บรวบรวมข้อมูลจากหน่วยที่สนใจ 
 ศึกษาโดยตรง ซึ่งสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการต่าง ๆ หลากหลายวิธี เช่น การ
 สัมภาษณ์ การสังเกต การวัด เป็ นต้น การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการส ารวจ แบ่งได้ 2
 ประเภท คือ
1.2.1 การท าส ามะโน (Census) หมายถึง การเก็บรวบรวมข้อมูลจากทุกหน่วยใน
 ประชากรที่สนใจจะศึกษา เช่น ถ้าสนใจรายได้เฉลี่ยของคนไทย ก็ต้องเก็บข้อมูล
 เกี่ยวกับรายได้ของคนไทยทุกคน วิธีนี ้เหมาะกับประชากรขนาดเล็ก
 ข้อดีของการท าส ามะโน คือ ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนจากทุกหน่วยของประชากร
 ข้อเสียของการท าส ามะโน คือ 
1. เสียเวลาและค่าใช้จ่ายมาก
2. ได้ข้อมูลที่ไม่ทันสมัย เนื่องจากต้องใช้เวลามากในการเก็บข้อมูล 
1.2.2 การส ารวจด้วยตัวอย่าง (Sample survey) หมายถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลเพียง
 บางส่วนของประชากร ซึ่งท าได้หลายวิธีโดยต้องค านึงถึงตัวแทนที่ดีของ
 ประชากรด้วย 
 ข้อดีของการท าส ารวจด้วยตัวอย่าง คือ 
1. ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
2. ได้ผลการส ารวจรวดเร็ว
 ข้อเสียของการท าส ารวจด้วยตัวอย่าง คือ 
1. เกิดความคลาดเคลื่อนในการสุ่มตัวอย่าง ท าให้ได้กลุ่มตัวอย่างที่ไม่ดี
2. ข้อมูลที่ได้อาจขาดความน่าเชื่อถือ ถ้าขนาดตัวอย่างน้อยเกินไป 
 1.3 การเก็บรวบรวมข้อมูลจากการทดลอง เป็ นการเก็บรวบรวมข้อมูลจากผลของ
 ก ารทดลอง ซึ่งจะต้องมีการควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการทดลอง โดยมากจะใช้
 รูปแบบการเก็บรวบรวมข้อมูลนี ้กับการทดลองทางด้านเกษตร วิทยาศาสตร์ การแพทย์ 
 เช่น ทดสอบผลของการใช้ปุ๋ ยชนิดต่างๆ ต่อ การเจริญเติบโตของพืช การเปรียบเทียบ
 คุณภาพของยา เป็ นต้น
2. เทคนิควิธีท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากการสา รวจ
การเก็บรวบรวมข้อมูลจากการส ารวจสามารถท าได้หลากหลายวิธี แต่การจะเลือกใช้วิธีการ
 ใดนั ้น ย่อมจะต้องเลือกให้สอดคล้องกับเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็ นส าคัญ 
 รวมทั ้งจะต้องค านึงถึงสถานการณ์แวดล้อมที่จะท าการเก็บรวบรวมซึ่งวิธีที่นิยมใช้มีดังนี ้ 
2.1 วิธีการสัมภาษณ์ ท าได้ 2 แบบ คือ 
2.2.1 วิธีการสัมภาษณ์จากผู้ให้ค าตอบโดยตรง (Personal interview หรือ Face 
 toface interview) เป็ นวิธีการที่ส่งเจ้าหน้าที่หรือพนักงานออกไปสัมภาษณ์

 ผู้ให้ค าตอบ และบันทึกค าตอบลงในแบบข้อถาม วิธีนี ้นิยมใช้กันมากในการ
 ท าส ามะโนและส ารวจเป็ นวิธีการที่จะท าให้ได้ข้อมูลที่ละเอียด พนักงาน
1.2.1 การท าส ามะโน (Census) หมายถึง การเก็บรวบรวมข้อมูลจากทุกหน่วยใน
 ประชากรที่สนใจจะศึกษา เช่น ถ้าสนใจรายได้เฉลี่ยของคนไทย ก็ต้องเก็บข้อมูล
 เกี่ยวกับรายได้ของคนไทยทุกคน วิธีนี ้เหมาะกับประชากรขนาดเล็ก
 ข้อดีของการท าส ามะโน คือ ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนจากทุกหน่วยของประชากร
 ข้อเสียของการท าส ามะโน คือ 
1. เสียเวลาและค่าใช้จ่ายมาก
2. ได้ข้อมูลที่ไม่ทันสมัย เนื่องจากต้องใช้เวลามากในการเก็บข้อมูล 
1.2.2 การส ารวจด้วยตัวอย่าง (Sample survey) หมายถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลเพียง
 บางส่วนของประชากร ซึ่งท าได้หลายวิธีโดยต้องค านึงถึงตัวแทนที่ดีของ
 ประชากรด้วย 
 ข้อดีของการท าส ารวจด้วยตัวอย่าง คือ 
1. ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
2. ได้ผลการส ารวจรวดเร็ว
 ข้อเสียของการท าส ารวจด้วยตัวอย่าง คือ 
1. เกิดความคลาดเคลื่อนในการสุ่มตัวอย่าง ท าให้ได้กลุ่มตัวอย่างที่ไม่ดี
2. ข้อมูลที่ได้อาจขาดความน่าเชื่อถือ ถ้าขนาดตัวอย่างน้อยเกินไป 
 1.3 การเก็บรวบรวมข้อมูลจากการทดลอง เป็ นการเก็บรวบรวมข้อมูลจากผลของ
 ก ารทดลอง ซึ่งจะต้องมีการควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการทดลอง โดยมากจะใช้
 รูปแบบการเก็บรวบรวมข้อมูลนี ้กับการทดลองทางด้านเกษตร วิทยาศาสตร์ การแพทย์ 
 เช่น ทดสอบผลของการใช้ปุ๋ ยชนิดต่างๆ ต่อ การเจริญเติบโตของพืช การเปรียบเทียบ
 คุณภาพของยา เป็ นต้น
2. เทคนิควิธีท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากการสา รวจ
การเก็บรวบรวมข้อมูลจากการส ารวจสามารถท าได้หลากหลายวิธี แต่การจะเลือกใช้วิธีการ
 ใดนั ้น ย่อมจะต้องเลือกให้สอดคล้องกับเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็ นส าคัญ 
 รวมทั ้งจะต้องค านึงถึงสถานการณ์แวดล้อมที่จะท าการเก็บรวบรวมซึ่งวิธีที่นิยมใช้มีดังนี ้ 
2.1 วิธีการสัมภาษณ์ ท าได้ 2 แบบ คือ 
2.2.1 วิธีการสัมภาษณ์จากผู้ให้ค าตอบโดยตรง (Personal interview หรือ Face 
 toface interview) เป็ นวิธีการที่ส่งเจ้าหน้าที่หรือพนักงานออกไปสัมภาษณ์
 ผู้ให้ค าตอบ และบันทึกค าตอบลงในแบบข้อถาม วิธีนี ้นิยมใช้กันมากในการ
 ท าส ามะโนและส ารวจเป็ นวิธีการที่จะท าให้ได้ข้อมูลที่ละเอียด พนักงาน

สัมภาษณ์สามารถชี ้แจงหรืออธิบายให้ผู้ตอบเข้าใจในค าถามได้ท าให้ได้รับ
 ค าตอบตรงตามวัตถุประสงค์ แต่การที่จะให้ได้ค าตอบที่ดีก็ต้องขึ ้นอยู่กับ
 ปัจจัยอื่นๆ เช่น การให้ความร่วมมือและความตั ้งใจในการให้ข้อมูลของผู้ตอบ 
 ความสามารถของพนักงานที่จะสัมภาษณ์ได้อย่างละเอียดครบถ้วน และ
 บันทึกค าตอบอย่างถูกต้อง และที่ส าคัญที่สุดคือ ความซื่อสัตย์สุจริตของ
 พนักงานสัมภาษณ์ที่จะไม่กรอกข้อมูลเอง
2.1.2 วิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์(Enumeration by telephone) เป็ นวิธีการที่
 อาจท าได้อย่างรวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะไม่ต้องเดินทาง แต่มี
 ขอบเขตจ ากัด คือใช้ได้เฉพาะผู้ที่มีโทรศัพท์เท่านั ้น ค าถามที่ถามจะต้องสั ้น
 และเข้าใจง่ายวิธีนี ้จึงใช้ในการเก็บรวบรวมที่รายการข้อถามไม่มากนัก 
 ประมาณ 1 – 2 รายการเท่านั ้น
2.2 วิธีการส่งแบบข้อถามให้ผู้ตอบ ท าได้ 2 แบบ คือ
2.2.1 วิธีการให้พนักงานไปทอดแบบไว้ให้ผู้ตอบกรอกข้อมูลเอง (Self 
 enumeration) วิธีนี ้พนักงานจะน าแบบข้อถามไปมอบไว้ให้กับผู้ตอบ โดย
 อธิบายถึงวิธีการกรอกเท่าที่จ าเป็ น ผู้ตอบจะต้องกรอกแบบข้อถามเอง
 พนักงานจะกลับไปรับแบบข้อถามที่กรอกข้อมูลแล้วในวันเวลาที่ก าหนด ใน
 ขณะเดียวกันพนักงานจะต้องท าการตรวจสอบความถูกต้อง และความ
 ครบถ้วนของข้อมูลที่กรอกแล้ว ถ้าผิดพลาดหรือไม่ครบถ้วนจะต้อง
 สัมภาษณ์เพิ่มเติม วิธีนี ้เหมาะที่จะใช้กับผู้ให้ข้อมูลที่มีการศึกษาพอที่จะ
 อ่าน เขียน เข้าใจค าถามได้(ในปัจจุบันจะพบการทอดแบบข้อถามให้ผู้ตอบ
 กรอกข้อมูลผ่านทางอินเตอร์เน็ต)
2.2.2 วิธีการส่งแบบข้อถามให้ผู้ตอบทางไปรษณีย์(Mailed questionnaire) เป็ น
 วิธีที่ส่งแบบข้อถาม ให้ผู้ตอบทางไปรษณีย์และให้ผู้ตอบส่งแบบข้อถามที่
 กรอกข้อมูลแล้วกลับคืนมาทางไปรษณีย์เช่นเดียวกัน วิธีนี ้คล้ายกับการ
 ทอดแบบ แต่ต่างกันตรงที่ส่งแบบทางไปรษณีย์เป็ นวิธีการที่เสียค่าใช้จ่าย
 น้อยที่สุด เพราะเสียเพียงค่าแสตมป์ แทนค่าใช้จ่ายของพนักงานสนาม
 โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ที่จะให้ค าตอบอยู่กระจัดกระจายกันมากซึ่งไม่อยู่ใน
 วิสัยที่จะส่งพนักงานสนามไปท าการสัมภาษณ์ได้ในกรณีที่ผู้ตอบเห็น
 ความส าคัญของข้อมูล ข้อมูลที่ได้อาจมีคุณภาพดีกว่าข้อมูลที่ได้จากการ
 สัมภาษณ์เพราะผู้ตอบมีเวลาคิด ก่อนตอบ และไม่ต้องตอบภายใต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น